ในฤดูกาลใหม่นี้ สมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย จะปรับเปลี่ยนระบบการแข่งขันใหม่ โดยนำระบบการแข่งขันจากรายการสะสมคะแนนอาชีพโลกของ World Snooker Tour มาใช้ ซึ่งนักกีฬาทุกคน จะต้องลงทำการแข่งขันตั้งแต่รอบ 128 ทุกรายการ เช่นเดียวกับรายการอาชีพโลก ตั้งแต่รายการที่ 1 – 6 ยกเว้นรายการชิงแชมป์ประเทศไทย (รายการที่ 7) ซึ่งนักกีฬาที่มีอันดับ 1 – 16 คน เมื่อจบรายการที่ 6 จะได้เป็นตัวยืนไปเล่นในรอบ 32 คนทันที เช่นเดียวกับที่ครูซิเบิ้ล แล้วทำการแข่งขันในรอบ 32 ใน Final Stage
3.1 |
รอบ Open หรือรอบคัดเลือก เปิดรับสมัครนักกีฬาทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขัน โดยนักกีฬาที่มีคะแนนสะสมอย่างเป็นทางการเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลที่แล้ว บวกกับนักกีฬาหน้าใหม่ที่ไม่เคยลงแข่งขันรายการสะสมคะแนนมาก่อน |
3.2 |
นักกีฬาที่มีคะแนนสะสม 2 ฤดูกาล ณ ปัจจุบัน อยู่ในอันดับ 1 – 64 (หลังจากตัดคะแนนล่าสุดทุกๆ 2 รายการ) จะได้เป็นตัวยืนในรอบการแข่งขันรอบ Main Draw (รอบ 128 คน) ในรายการต่อไปอีก 2 รายการ |
3.3 |
นักกีฬาที่มีคะแนนสะสม อันดับ 65 – 128 จำนวน 64 คน จะต้องทำการแข่งขันในรอบคัดเลือก กับนักกีฬาที่มีอันดับตั้งแต่ 129 ขึ้นไป รวมทั้งนักกีฬาหน้าใหม่ที่ไม่มีอันดับคนละ 1 แมตช์ก่อน (จำนวน 64 แมตช์) เพื่อหาผู้ชนะเข้ามาเล่นในรอบ 128 คน กับนักกีฬาอันดับ 1 – 64 ในรอบการแข่งขันจริง (128 คนสุดท้าย) โดยนักกีฬาที่มีอันดับ 65 – 128 คนแรก จะถูกวางบนก้างปลาไม่ให้พบกันในรอบแรกนี้ |
3.4 |
หากมีนักกีฬาที่สมัครเข้ามา รวมกับนักกีฬาอันดับ 65 ขึ้นไปเกิน 128 คน ผู้ที่มีคะแนนสะสม ตั้งแต่ 129 ขึ้นไป จะต้องทำการแข่งขันรอบ Open เพื่อให้ได้นักกีฬา 64 คน มาแข่งขันกับอันดับ 65 – 128 เสียก่อน 1 รอบ แล้วหาผู้ชนะไปแข่งขันในรอบ Main Draw (128 คน) กับผู้เล่นอันดับ 1 – 64 ต่อไป |
3.5 |
นักกีฬา อันดับ 1 – 64 ที่เป็นตัวยืนในรอบ 128 คน จะรอแข่งขันในรอบจริง 128 คนเลย โดยจะเล่นกับ 64 คนที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามา โดยนักกีฬาอันดับ 1 – 32 จะได้รับการวางมือในตำแหน่งบนก้างปลาตามรูปแบบการแข่งขันสากล ส่วนอันดับ 33 – 64 จะต้องทำการจับฉลากแบบสุ่มเพื่อไปลงในตำแหน่งต่างๆ บนก้างปลาทุกรายการ เพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะต้องมาพบกับอันดับ 1 – 32 ในรอบ 64 คนซ้ำกันทุกครั้ง เมื่อจับฉลากหาตำแหน่ง 33 – 64 ลงบนก้างปลาได้แล้ว จึงจะจับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบสอง อีก 64 คน เข้ามาประกบคู่กับตัวยืน 1 – 64 บนก้างปลาในรอบ 128 คนต่อไป ตามแผนผังข้างล่างนี้ |
|
 |
|
3.6 |
รอบ Final Stage หรือรอบ 16 คน เป็นการแข่งขันของนักกีฬา 16 คน ที่ผ่านการคัดเลือกจากรอบคัดเลือกไปแข่งขันรอบ 16 คนสุดท้ายตามที่สมาคมฯ กำหนด โดยบางรายการ จะมีนักกีฬาไวล์การ์ด (Wildcard) เข้าร่วมการแข่งขันตามที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันกำหนดผู้เล่นตามมติเห็นสมควร |
3.7 |
รายการที่ 7 (สนุกเกอร์อาชีพชิงแชมป์ประเทศไทย) เป็นรายการที่นักกีฬาทั่วไปที่สนใจสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ โดยนักกีฬาที่มีคะแนนสะสมหลังจบรายการที่ 6 อันดับอย่างเป็นทางการลำดับที่ 1 – 16 จะเป็นตัวยืนในรอบ 32 แต่จะต้องเป็นนักกีฬาที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น นักกีฬารับเชิญหรือนักกีฬาไวล์การ์ด (Wildcard) ไม่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ |
4.1 |
รอบคัดเลือกรอบแรก (Open) หากมีผู้สมัครเกิน 128 คน ผู้ที่มีอันดับเกิน 128 เป็นต้นไปจะต้องแข่งขันกันเองก่อนด้วยระบบ 3 ใน 5 เฟรม โดยการจับประกบคู่แบบ Random เพื่อหาผู้ชนะไปแข่งในรอบคัดเลือกรอบสอง กับมืออันดับ 65 – 128 จะใช้ระบบ 3 ใน 5 เฟรม จนถึงรอบ Main Draw ที่แข่งขันกับอันดับ 1 – 64 ในรอบจริง 128 คน จะใช้ระบบ 4 ใน 7 เฟรม ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ |
4.2 |
การจับฉลากประกบคู่แข่งขัน
4.2.1 |
ทำการจับฉลากประกบคู่และวางเส้นทางการแข่งขันรอบแรก ไม่น้อยกว่า 3 วันก่อนเริ่มการแข่งขัน |
4.2.2 |
การประกบคู่รอบ Open หรือรอบคัดเลือกรอบแรก จะมีนักกีฬาที่มีคะแนนสะสมอย่างเป็นทางการ อันดับ 65 – 128 เป็นตัวยืนในรอบนี้ โดยจะวางอันดับตามก้างปลา และประกบคู่แบบจับฉลาก ตามรูปแบบที่แนบ ดังนี้ |
|
รอบ Open |
ผู้สมัครที่มีอันดับตั้งแต่ 129 เป็นต้นไป จะต้องแข่งขันในรอบ Open โดยการจับประกบคู่แบบสุ่ม (Random) โดยจะใช้ระบบ 3 ใน 5 เฟรม ให้เหลือผู้แข่งขัน 64 คน |
รอบคัดเลือกที่ 2 |
ผู้แข่งขัน 64 คนที่ผ่านการคัดเลือกในรอบ Open จะต้องแข่งรอบคัดเลือกรอบ 2 กับผู้เล่นอันดับ 65 – 128 โดยใช้ระบบ 3 ใน 5 เฟรม ให้เหลือ 64 คน |
รอบ Main Draw |
นำผู้ชนะ 64 คน ในรอบที่ 2 มาแข่งกับอันดับ 1 – 64 ในรอบ 128 คน ในระบบ 4 ใน 7 เฟรม โดยอันดับ 1 – 32 จะวางตามก้างปลาไม่ให้พบกันเองในรอบนี้ อันดับ 33 – 64 จะจับฉลากลงบนก้างปลาแบบสุ่มไปลงในตำแหน่ง 33 – 64 โดยไม่จำเป็นต้องลงตามตำแหน่งสากล เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องไปพบกับผู้เล่นหน้าเดิมติดๆ กันทุกรายการ |
รอบ 4 (รอบ 64 คน) |
เอาผู้ชนะในรอบ 128 คน ผ่านเข้ารอบ 64 คน ตามก้างปลา มาแข่งขัน ระบบ 4 ใน 7 เฟรม เช่นกันไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ |
รอบ 5 (รอบ 32 คน) |
เอาผู้ชนะตามก้างปลาในรอบ 64 คน มาแข่งขันในรอบ 32 คน เพื่อให้เหลือ 16 คนไปแข่งขัน รอบ Final Stage ตามจังหวัดต่างๆ |
รอบ Final Stage |
แข่งขันตามก้างปลา ในระบบ 4 ใน 7 เฟรม จนได้แชมป์ของแต่ละรายการตามลำดับ |
ยกเว้นการแข่งขันรายการที่ 7 ซึ่งเป็นการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย ที่รอบ Final Stage จะเป็นการแข่งขันตั้งแต่รอบ 32 คนสุดท้าย ที่มืออันดับ 1 – 16 คน จะได้เป็นตัวยืนในรอบนี้ โดยไม่ต้องทำการคัดเลือกตั้งแต่รอบ 128 คนเช่น 6 รายการแรกแต่อย่างใด |
|
4.2.3 |
ในรายการที่ 1 และ รายการที่ 2, คำว่า Seed 1 หมายถึง แชมป์เก่า รายการเดียวกันในฤดูกาลที่แล้ว Seed 2 หมายถึง อันดับ 1 จากคะแนนสะสม ณ เวลานั้น ในกรณีแชมป์เก่าไม่ลงแข่งขัน หรือเป็นนักกีฬาชาวต่างชาติ ที่ไม่ได้กลับมาแข่งขันในปีนี้ ให้อันดับ 1 จากคะแนนสะสม ณ เวลานั้นเป็น Seed 1 และอันดับ 2 เป็น Seed 2 แทน |
4.2.4 |
กรณีแชมป์เก่าไม่ติดอันดับอย่างเป็นทางการ 1 ใน 64 คน แชมป์เก่าจะได้เข้ามาเล่นในรอบ 64 คน เป็น Seed 1 โดยอัตโนมัติ และผู้เล่นอันดับ 64 จะตกไปเป็นอันดับที่ 65 และต้องไปเล่นรอบในรอบที่ 2 เช่นผู้เล่นอันดับ 65 – 128 โดยอันดับของผู้เล่นที่อยู่ 65 – 128 เดิมจะถูกปรับลงไปด้วยตามลำดับ ส่วนการปรับ Seed จะมีการปรับคะแนนในการวาง Seed ใหม่ทุกๆ 2 รายการ สำหรับการแข่งขันรายการที่ 7 ซึ่งเป็นรายการชิงแชมป์ประเทศไทย จะปรับ Seed ใหม่หลังจบรายการที่ 6 ไปแล้ว และการแข่งขันรอบ Final Stage จะเป็นการแข่งขันรอบ 32 คน ซึ่งมืออันดับ 1 – 16 จากคะแนนรวม 2 ฤดูกาลหลังจบรายการที่ 6 จะได้เป็นตัวยืนในรอบ 32 คน โดยไม่ต้องแข่งขันในรอบคัดเลือกเช่น 6 รายการแรก |
|
4.3 |
กรณีที่ผู้เล่นไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ ให้ปฏิบัติดังนี้
4.3.1 |
กรณีไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ตามวันและเวลาที่กำหนด ให้นักกีฬาแจ้งเหตุผลให้ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแข่งขันทราบล่วงหน้าก่อนการแข่งขันไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง โดยจะต้องทำหนังสือหรือนำหลักฐานที่ไม่สามารถเข้าแข่งขันได้มาแสดงต่อฝ่ายจัดการแข่งขัน ภายใน 3 วัน นับจากวันที่มีการแข่งขัน จึงจะมีสิทธิ์ได้รับคะแนนสะสม แต่ไม่ได้รับเงินรางวัล |
4.3.2 |
หากนักกีฬาไม่มีการแจ้งล่วงหน้าถึงเหตุผลอันสมควร หรือไม่มีหนังสือ ไม่นำหลักฐานมาแสดงต่อฝ่ายจัดการแข่งขันตามระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 4.3.1 หรือทางสมาคมฯ รับทราบภายหลังว่านักกีฬาไปลงแข่งขันรายการอื่นในวันและเวลาดังกล่าวที่ทับซ้อนกับรายการของสมาคมฯ ให้ถือว่านักกีฬาแพ้การแข่งขันในรอบนั้นๆ (Walkover) ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินรางวัล รวมทั้งคะแนนสะสม และจะถูกตัดสิทธิ์ห้ามลงแข่งขัน 3 รายการ |
4.3.3 |
กรณีนักกีฬาในรอบ 16 คน ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนทีมชาติเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันในต่างประเทศตามที่สมาคมฯ มอบหมาย แต่กำหนดแข่งขันในต่างประเทศและกำหนดแข่งขันรอบ 16 คน ทับซ้อนกัน ให้สิทธิ์นักกีฬานั้นไม่ต้องลงแข่งขันในรอบคัดเลือก (Main Draw) และมีสิทธิ์ได้รับเงินรางวัล และคะแนนสะสม ตามรอบที่ตนไม่ได้ลงแข่งขัน เช่น นาย A ได้รับคัดเลือกให้เดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศ และมีกำหนดเดินทางไปแข่งขันตรงกับรอบ 16 คน ให้สิทธิ์นาย A ไม่ต้องลงแข่งขันตามรอบของนักกีฬา แต่ให้ได้รับเงินรางวัลตามรอบของนักกีฬา และได้คะแนนสะสมตามรอบที่นักกีฬาต้องลงแข่งขันในฐานะผู้แพ้ |
4.3.4 |
กรณีที่นักกีฬามีการป่วย จะด้วยโรคโควิด-19 หรือโรคใดๆ ทำให้ไม่สามารถมาแข่งขันตามกำหนดการได้ จะต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลมาแสดง เพื่อยืนยันการป่วยอย่างถูกต้องเท่านั้น จึงจะได้รับคะแนนสะสม และเงินรางวัลตามรอบของตนได้ ใบรับรองแพทย์ ต้องมาจากโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่สามารถใช้ใบรับรองแพทย์จากคลินิกเอกชนได้ |
|
4.4 |
คะแนนสะสมของฤดูกาลนี้ จะนับต่อจากคะแนนสะสมในฤดูกาลในปีที่ผ่านมา โดยจะเอาคะแนนสะสมในฤดูกาลที่แล้ว มาจัดอันดับมือวาง 64 คน เพื่อเป็นตัวยืนของการแข่งขันในรายการที่ 1 และ รายการที่ 2 จะมีการจัดอันดับใหม่หลังจบรายการที่ 3 และรายการที่ 4 และจัดใหม่อีกครั้งหลังจบรายการที่ 5 และ 6 คะแนนสะสมจะมีอายุการใช้งานเป็นเวลา 2 ฤดูกาล และจะถูกตัดออกไปทีละรายการหลังจบแต่ละรายการในฤดูกาลที่ 3 โดยนำคะแนนในแต่ละรายการที่ผู้เล่นทำได้ในฤดูกาลที่ 3 เข้ามาแทนที่คะแนนเดิม |
4.5 |
คะแนนสะสมของนักกีฬา จะคิดเท่ากับ 10% ของเงินรางวัลที่ได้รับจากการแข่งขัน เช่น นักกีฬาได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท จะได้คะแนนสะสม 500 คะแนน |
4.6 |
นักกีฬาที่หยุดแข่งขันหรือเลิกเล่นไป จะยังคงสถานภาพการเป็นผู้เล่นต่อไปได้จนกว่าคะแนนสะสมของตนจะตกชั้นไป และหากต้องการจะกลับมาเล่นอีกครั้ง จะต้องไปเริ่มแข่งขันใหม่ในรอบคัดเลือก หรือรอบ Open เท่านั้น |
4.7 |
นักกีฬาไวล์การ์ด (Wildcard) คือนักกีฬาที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันตามระเบียบ ข้อ 2.3 โดยเส้นทางการแข่งขันของนักกีฬาไวล์การ์ดจะต้องไม่พบกันเองในรอบ 16 คน แต่จะแข่งขันกับนักกีฬาอันดับต่ำสุดของรอบ 16 คน ไล่เรียงกันขึ้นมา นักกีฬาไวล์การ์ดจะได้รับเงินรางวัลตามรอบที่แข่งขันตามจริง แต่จะไม่ได้รับคะแนนสะสม และไม่มีสิทธิ์ลงแข่งขันในรอบคัดเลือก |
4.8 |
นักกีฬาต้องมารายงานตัวที่สนามแข่งขันก่อนเวลาเริ่มแข่งขันอย่างน้อย 15 นาที (เช่น ต้องมารายงานตัว 9.45 – 10.00 น. ในกรณีแข่ง 10.00 น.) หากนักกีฬาไม่พร้อมที่จะแข่งขันตามเวลาที่กำหนด จะถูกปรับแพ้ไปทันที 1 เฟรมใน 15 นาทีแรก (นาทีที่ 1 – 15) และถูกปรับเพิ่มอีก 1 เฟรม ใน 15 นาทีถัดมา (นาทีที่ 16 – 30) ในกรณีที่นักกีฬามาสายเกิน 30 นาที (30.01 นาที) นับจากเวลาที่กำหนดไว้ในตารางแข่งขัน นักกีฬาจะถูกปรับแพ้การแข่งขันแมตช์นั้นทันที ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแข่งขันสามารถเปลี่ยนแปลงตารางการแข่งขันได้ตามความเหมาะสมในกรณีที่จำเป็น โดยจะต้องแจ้งให้ผู้แข่งขันที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้รับทราบล่วงหน้า |
4.9 |
ในกรณีที่หัวคิวหลุด หากไม่ใช่รอบถ่ายทอดสด นักกีฬาสามารถขอเวลานอกเพื่อทำการเปลี่ยนหัวคิวได้ไม่เกิน 15 นาที แต่หากเป็นการถ่ายทอดสด นักกีฬาจะต้องเล่นต่อไปด้วยไม้คิวสำรอง จนกว่าจะเปลี่ยนหัวคิวแล้วเสร็จ |
4.10 |
กรณีนักกีฬาไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของสมาคมฯ ไม่ให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการฯ หรือปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ให้ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแข่งขันพิจารณาตักเตือน และหากยังฝ่าฝืน ให้กำหนดโทษได้ตามดุลยพินิจ โดยมีขั้นตอนดังนี้
4.10.1 |
ห้ามแข่งขัน 1 รายการ |
4.10.2 |
ห้ามแข่งขัน 1 ฤดูกาล |
4.10.3 |
ตัดสิทธิ์การเป็นสมาชิกของสมาคมฯ เป็นระยะเวลาตามความเหมาะสม |
|
4.11 |
กรณีที่นักกีฬามีเจตนาล้มการแข่งขันเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของผู้ชม คู่แข่งขัน และกรรมการผู้ตัดสิน ให้กรรมการผู้ตัดสินตักเตือนนักกีฬาด้วยวาจา หากนักกีฬายังคงแสดงพฤติกรรมที่ส่อเจตนาต่อไปว่าไม่ตั้งใจเล่น หรือมีเจตนาเล่นให้แพ้ ให้ผู้ตัดสินรายงานพฤติกรรมดังกล่าวให้กับผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแข่งขัน เพื่อทำการสอบสวนและพิจารณาลงโทษตาม ข้อ 4.12 และถือเป็นการผิดต่อ พ.ร.บ.กีฬาอาชีพ อาจมีโทษทางกฎหมายในคดีอาญาอีกด้วย |
4.12 |
กรณีที่ไม่สามารถหาข้อสรุปของปัญหาได้ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแข่งขันจะทำหน้าที่เป็นผู้ชี้ขาด |
4.13 |
นักกีฬาที่ร่วมการแข่งขันไม่ว่ารอบใด ห้ามนำโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดเข้ามาในสนามแข่งขัน และห้ามใช้โทรศัพท์มือถือในขณะที่กำลังแข่งขันอยู่ หากนักกีฬาผู้ใดฝ่าฝืน จะได้รับการเตือนจากผู้ตัดสินในครั้งที่ 1 แต่ถ้าฝ่าฝืนอีกเป็นครั้งที่ 2 จะถูกปรับแพ้ทันที |
4.14 |
กรณีที่มีการจับฉลากแบ่งสายการแข่งขันอย่างเป็นทางการและออกโปรแกรมการแข่งขันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักกีฬาจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันตามวัน/เวลาในโปรแกรมการแข่งขันที่สมาคมฯ ประกาศไป ยกเว้นนักกีฬาที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาคมฯ ให้เป็นตัวแทนทีมชาติเดินทางไปแข่งขันต่างประเทศ แต่กำหนดแข่งขันต่างประเทศทับซ้อนกับกำหนดแข่งขันในประเทศ ฝ่ายจัดการแข่งขันจะเป็นผู้พิจารณาเลื่อนวัน/เวลาแข่งขันที่เห็นสมควรให้กับนักกีฬาตัวแทนทีมชาติผู้นั้น โดยทั้งนี้ ต้องไม่กระทบต่อตารางการแข่งขันโดยรวม |
4.15 |
นักกีฬาทุกคน ต้องดำเนินการชำระเงินค่าสมัครก่อนวันจับฉลากแบ่งสายไม่น้อยกว่า 1 วัน โดยชำระผ่านบัญชีธนาคารที่สมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทยกำหนดไว้เท่านั้น ไม่สามารถชำระในวันแข่งขันได้ และคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะทำการจับฉลากแบ่งสายเฉพาะนักกีฬาที่ได้ทำการชำระค่าสมัครผ่านบัญชีแล้วเท่านั้น โดยหลังการชำระเงินค่าสมัครแล้ว ต้องนำหลักฐานการชำระเงินแจ้งแสดงต่อเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันภายในระยะเวลาที่กำหนดก่อนการจับฉลากแบ่งสาย |
สมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย จะประกาศให้ทราบล่วงหน้าก่อนฤดูกาลการแข่งขันจะเริ่มขึ้นทาง เว็บไซต์ของสมาคมฯ www.thailandsnooker.org และทางเพจเฟสบุ๊ค Billiard Sports Association of Thailand
โดยปกติ นักกีฬาตัวยืนรอบ Main Draw (อันดับ 1 – 64) ต้องลงทำการแข่งขันในรายการสะสมคะแนนทุกรายการ แต่หากมีรายการหนึ่งรายการใดที่นักกีฬาไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ จะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้สมาคมทราบล่วงหน้าก่อนการแข่งขันอย่างน้อย 3 วัน พร้อมชี้แจงถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องขอถอนตัวจากรายการนั้นๆ อย่างเหมาะสม จึงจะไม่ถูกพิจารณาโทษ และนักกีฬาตัวยืนอันดับ 1 – 64 จะต้องทำการลงทะเบียนสมัครแข่งขันทุกรายการทางเว็บไซต์ และโอนค่าสมัครเบื้องต้นจำนวน 400 บาท พร้อมส่งหลักฐานการโอนเงินมายังสมาคมฯ ก่อนการแข่งขัน (ตามข้อ 6.1)
นักกีฬาทุกคน จะต้องแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 โดส หรือมากกว่า และจะต้องทำการตรวจ ATK ที่สนามก่อนทำการแข่งขันทุกรอบ งดสูบบุหรี่ทั้งในและนอกห้องแข่งขัน และต้องสวมหน้ากากอนามัยไว้ตลอดการแข่งขัน นักกีฬาที่ไม่ผ่านการตรวจ ATK จะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงแข่งขัน หรือหากมีวันใดที่ตรวจไม่ผ่านหลังทำการแข่งขันไปแล้ว ซึ่งยังอยู่ในการแข่งขัน จะได้รับคะแนนสะสม และเงินรางวัลในรอบแข่งขันก่อนหน้าที่มีการตรวจพบเชื้อ โดยถือว่าให้แพ้บายไปในวันนั้น